วิธีกระตุ้นลูกน้อยให้แข็งแรงและบำรุงสมองตั้งแต่ในครรภ์

อาหารบำรุงสมองเพื่อลูกน้อยในครรภ์

มากระตุ้นลูกน้อยให้แข็งแรงและบำรุงสมองตั้งแต่ในครรภ์กันเถอะ

เริ่มจากอะไร?

สิ่งที่สำคัญที่จะให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งเรื่องการเรียน การทำงานการใช้ชีวิต ฯลฯ จะประกอบด้วยหลายๆปัจจัย ไม่ว่าเรื่องสภาพแวดล้อมที่ได้รับ หรือแม้แต่ อาหารการกินตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ที่คุณแม่ได้เลือกทาน ว่าอาหารเหล่านั้นมีคุณค่าของสารอาหารมากน้อยแค่ไหน …
ทั้งนี้หลักการและวิธีปฏิบัติที่สำคัญที่คุณแม่ควรทำเพื่อกระตุ้นภาวะร่างกายและสมองของลูกน้อยคือ

  1. อารมณ์ดีอยู่เสมอ
    คุณแม่ที่สภาวะจิตใจ อารมณ์ดีอยู่เสมอ ทางการแพทย์ระบุว่า ในขณะที่อารมณ์ดีมีความสุข ร่ากายจะมีการหลั่งสารแห่งความสุขที่ชื่อว่า เอนดอร์ฟิน (endorphin)ออกมา และสารดังกล่าวจะผ่านไปยังสายสะดือ สู่เจ้าตัวน้อย ทำให้มีพัฒนาการที่ทั้ง สมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ)
  2. การฟังเพลง
    โดยระบบการรับฟังของลูกน้อยระหว่างอยู่ในครรภ์นั้น  จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน  การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น เสียงที่ควรใช้ในการกระตุ้นคือ เสียงเพลง  และเพลงที่ใช้ควรเป็นเพลงที่มีความไพเราะ จังหวังเบาๆ วิธีการเปืดให้ฟังคือควรห่างจากท้องประมาณ 1 ฟุต และเปิดเสียงดังพอประมาณ โดยลูกน้อยก็จะได้รับเสียงเพลง และคลื่นเสียง จะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆได้ดี
  3. การพูดคุยกับลูกน้อย
    การพูดคุยเรื่องต่างๆกับลูกในครรภ์บ่อยๆ จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด คุณแม่ควรพูดกับลูกบ่อยๆและพูด ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ประโยคซ้ำๆ
  4. การลูบหน้าท้อง
    การลูบหน้าท้องจะกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น การลูบท้องควรลูบเป็นวงกลม จะจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบน บริเวณไหนก่อนก็ได้ครับ
  5. การส่องไฟที่หน้าท้อง 
    ลูกน้อยในครรภ์สามารถกระพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟที่กระตุ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นมีพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นภายหลังคลอด การส่องไฟที่หน้าท้องไม่จำเป็นต้องไปเล็งว่าแสงจะเข้าตรงกับนัยน์ตาของลูกหรือเปล่าหรอกครับ คุณแม่บางคนมาขอให้หมอตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อหาตำแหน่งของนัยน์ตาลูกก็มี ผมว่ามันออกจะมากเกินไปครับ เอาแค่ให้ลูกรู้ว่ามีแสงส่องเข้ามาก็น่าจะพอแล้วละครับ
  6. ออกกำลังกาย
    ขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม้มีการออกกำลังกาย  ลูกที่อยู่ในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย และผิวกายของลูกจะไปกระแทกกับผนังด้านในของมดลูก ผลดังกล่าวจะกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดี ทั้งนี้การออกกำลังกายควรเป็นไปท่าที่เหมาะกับการตั้งครรภ์ด้วย
  7. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
    หนึ่งในข้อสำคัญที่คุณแม่ควรปฏิบัติ  เพราะเนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 60 กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเล และสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้างโพด   การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวให้เพียงพอจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับวัตถุดิบคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพ