แท้งสมบูรณ์ และแท้งไม่สมบูรณ์ ต่างกันอย่างไร

การแท้ง ไม่ว่าจะเป็นการ แท้งสมบูรณ์ หรือแท้งไม่สมบูรณ์ คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดหวังอยากจะให้เกิด โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่มีลูกยาก ซึ่งการแท้งนั้นมีหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามอาการ ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการแท้งสมบูรณ์และการแท้งไม่สมบูรณ์ว่าคืออะไร รวมทั้งความแตกต่างของการแท้งทั้ง 2 แบบด้วย

การแท้ง คืออะไร

การแท้ง คือ การสิ้นสุดของการตั้งครรภ์ โดยมักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ในช่วง 4-20 สัปดาห์ หรือก่อนที่ทารกในครรภ์จะมีอายุ 28 สัปดาห์ ซึ่งเด็กนั้นยังมีขนาดที่เล็กมาก หรือมีน้ำหนักยังไม่ถึง 1,000กรัม

แท้งสมบูรณ์ และแท้งไม่สมบูรณ์คืออะไร

โดยการแท้งลูกจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือการแท้งสมบูรณ์และแท้งไม่สมบูรณ์ ซึ่งการแท้งทั้งสองแบบนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องมาดูกันเลย

1.แท้งสมบูรณ์

การแท้งแบบสมบูรณ์ คือการที่ร่างกายขับส่วนต่างๆ ในครรภ์ ทั้งเลือด เนื้อเยื่อ รก และทารกออกมาทั้งหมด โดยไม่ได้ใช้เครื่องมือใดๆ ช่วยเหลือ

2.แท้งไม่สมบูรณ์

การแท้งไม่สมบูรณ์ คือ การแท้งที่อออกมาเพียงบางส่วน เมื่อตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาต่อได้ ร่างกายจึงขับเพียงบางส่วนที่อยู่ในครรภ์ออกมา โดยยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังค้างอยู่ภายในโพรงมดลูก จึงจำเป็นที่ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำแท้งให้สมบูรณ์

แท้งสมบูรณ์ และแท้งไม่สมบูรณ์ ต่างกันอย่างไร

อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นสามารถบ่งบอกว่าเป็นการแท้งสมบูรณ์หรือแท้งไม่สมบูรณ์ โดยมีความแตกต่างกันดังนี้

1.ปวดท้อง

แท้งแบบสมบูรณ์ : อาการปวดท้องจะน้อยลงเรื่อยๆ จนหายไปเอง

แท้งไม่สมบูรณ์ : คุณแม่จะรู้สึกปวดท้องมากขึ้นจนทนไม่ไหว หรือรู้สึกปวดเมื่อกดที่ท้อง ซึ่งแสดงว่าการมีการติดเชื้อเกิดขึ้น เพราะยังมีเนื้อเยื่อและเลือดตกค้างอยู่ในร่างกาย

2.สีและกลิ่นของเลือด

แท้งแบบสมบูรณ์ : เลือดมีสีแดงสด ไม่มีกลิ่น

แท้งไม่สมบูรณ์ : เลือดเปลี่ยนสี และมีกลิ่นเหม็นจากการติดเชื้อ

3.เลือดออก

แท้งแบบสมบูรณ์ : เลือดจะออกน้อยลงและหยุดไหลไปเองภายในระยะ 2 สัปดาห์หลังเกิดการแท้ง

แท้งไม่สมบูรณ์ : เลือดออกนานเกิน 14 วัน ทำให้ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ถ้าเสียเลือดมากอาจทำให้ช็อคได้จากการตกเลือด

4.ไข้

แท้งแบบสมบูรณ์ : ไม่มีไข้

แท้งไม่สมบูรณ์ : ไข้ขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อ

5.มีชิ้นเนื้อหลุดออกมา

แท้งแบบสมบูรณ์ : เมื่อมีอาการแท้งจะมีถุงน้ำ รก ตัวเด็กหลุดออกมาด้วย

แท้งไม่สมบูรณ์ : ไม่พบว่ามีการหลุดออกมาชิ้นเนื้อต่างๆ มีเพียงเลือดที่ออกน้อยๆ เป็นหยดๆ เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง

6.อาการคล้ายการตั้งครรภ์

แท้งแบบสมบูรณ์ : ไม่มีอาการใดๆ

แท้งไม่สมบูรณ์ : มีอาการคล้ายกับยังตั้งครรภ์อยู่ เช่น คัดเต้านม ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้เจียน หลังการใช้ยาไซโตเทคได้ 7 วัน

การรักษาเมื่อเกิดการแท้ง

แท้งสมบูรณ์นั้น เมื่อชิ้นส่วนต่างๆ ในโพรงมดลูกออกมาจนหมด ก็จะทำให้อาการต่างๆ ของคุณแม่ดีขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องขูดมดลูก ซึ่งการตรวจของแพทย์ด้วยวิธีการอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งตกค้างในร่างกายของคุณแม่อย่างแน่นอน แต่กรณีที่เกิดแท้งไม่สมบูรณ์ แพทย์จะทำการรักษาด้วยการขูดมดลูก เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในโพรงมดลูก จนเป็นอันตรายได้

การป้องกันไม่ให้เกิดการแท้ง

เพื่อหลีกเลี่ยงการแท้ง ควรมีการวางแผนก่อนตั้งครรภ์ โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่แท้งบ่อยๆ เช่น ดูแลเรื่องอาหารการกิน งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ นอกจากนี้ควรฝากท้องตั้งแต่เนิ่นๆ และควรไปพบแพทย์ตามนัดด้วยทุกครั้ง

เมื่อพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ปวดท้องน้อย มีเลือดออกทางช่องคลอด อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์ แต่ถ้าเกิดการแท้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแท้งสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ นอกจากดูแลร่างกายหลังจากการแท้งแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพจิตใจของตนเองด้วย