ในลำไส้ของเราเขามีทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา จุลินทรีย์ ซึ่งจุลินทรีย์ก็จะเป็นจุลินทรีย์ที่ดีกับจุลินทรีย์ไม่ดี ที่เขาเรียกว่าจุลินทรีย์ก่อโรค ฉะนั้นอันนี้ขอบอกก่อนนิดนึงว่าบางคนที่มีภาวะเชื้อราอาจจะไม่ได้กินผักหรือผลไม้ได้เหมือนกับคนที่จุลินทรีย์เสียสมดุล แต่ถ้าให้พูดโดยทั่วไปแล้วกันนะคะ เราควรพยายามที่จะกินอาหารให้หลากหลาย ผักผลไม้ให้หลากสี อย่างที่เขาบอกว่าให้กิน eat the rainbow หรือกินอาหารให้ครบสีตามสายรุ้ง แม็กมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ แล้วเติมของหมักดองในทุกมื้อได้ก็จะดี อย่างการเติมโพรไบโอติกส์ในทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต , คีเฟอร์ , นัตโต๊ะ , กิมจิ , มิโซะ ของไทยเราก็มีถั่วเน่า กะปิ ต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นการเติมโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์ดีให้กับลำไส้เรา

ส่วนเทรนด์ที่สองที่แม็กมองเห็นก็คือ เรื่องของความ “Personalize หรือความเฉพาะบุคคลมากขึ้น” ตอนที่เราโตมาเราก็จะอ่านจากบทความจากอินเทอร์เน็ตหรือศึกษามาว่า ต้องกินอาหารแบบนี้ สูตรนี้ๆ แต่สิ่งที่เราเรียนรู้และคนก็เริ่มเห็นอย่างชัดเจนก็คือ มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า One size fits all แต่ละคนมีความต้องการ ความไม่สมดุลที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือ หนึ่งเรากลับมาฟังร่างกายตัวเอง และสองอาหารที่ดีสำหรับคนอื่น ไม่ใช่จะดีสำหรับเราเสมอไป เราเป็นหมอที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง คนที่รักษาและปรับสมดุลที่ดีที่สุดก็คือตัวเรา